นโยบายคุกกี้

เว็บไซต์มีการใช้งานคุกกี้ประเภทที่จำเป็น (Strictly necessary cookies) เพื่อให้เว็บ KhunLook ทำงานได้ถูกต้อง ทั้งนี้ท่านไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้ประเภทนี้ขณะที่ใช้งานเว็บ KhunLook โปรดกด "รับทราบ" เพื่อใช้งานแอปพลิเคชันต่อ

เข้าสู่ระบบ
เข้าสู่ระบบ | สมัครสมาชิก X

อุปกรณ์ ของเล่นและการป้องกันอุบัติเหตุของลูกวัย 6-12 เดือน

หมวด: อุปกรณ์ ของเล่น และการป้องกันอุบัติเหตุ เผยแพร่เมื่อ: 05 กรกฎาคม 2560

 


"ของเล่นที่ดีที่สุดของลูกคือผู้ดูแลซึ่งมีปฏิสัมพันธ์กับลูก"

การโดยสารรถ

☛ หากนั่งรถยนต์ควรนั่งในที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็ก (car seat) ที่ได้มาตรฐานทุกครั้งตลอดการเดินทาง โดยปฏิบัติตามข้อแนะนำของผู้ผลิตอย่างเคร่งครัด ซึ่งที่นั่งนิรภัยควรติดตั้งไว้ที่เบาะหลังของรถ และหันหน้าลูกไปทางหลังรถ
วัยนี้เริ่มมีความเป็นตัวของตัวเองสูงและอาจเริ่มปฏิเสธ เช่น เดิมเคยยอมนั่งที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็ก (car seat) ลูกอาจจะเริ่มไม่ยอมนั่ง ผู้โดยสารทุกคนควรคาดเข็มขัดนิรภัยเพื่อเป็นตัวอย่างแก่ลูกและควรฝึกให้ลูกนั่งในที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็กอย่างสม่ำเสมอจนเป็นกิจวัตร และปฏิบัติเหมือนเดิมทุกครั้ง
เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้ หากทุกคนในรถไม่คาดเข็มขัดนิรภัยและลูกไม่นั่งในที่นั่งนิรภัยไม่ควรติดเครื่องยนต์
ก่อนออกรถทุกครั้งต้องสำรวจว่าไม่มีเด็กๆ อยู่ใกล้รถ
ห้ามปล่อยลูกไว้ลำพังในรถ
วัย < 9 เดือนไม่ควรให้โดยสารรถจักรยาน และวัย < 2 ปีไม่ควรให้โดยสารรถจักรยานยนต์
ควรสวมหมวกนิรภัยที่ได้มาตรฐานทุกครั้งที่โดยสารรถจักรยาน


การป้องกันการพลัดตกหกล้มและจมน้ำ

ระวังอันตรายจากการจมน้ำ ควรตรวจสอบแหล่งน้ำ และกำจัดแหล่งน้ำไม่จำเป็นในบริเวณใกล้บ้าน และไม่ปล่อยลูกไว้ใกล้แหล่งน้ำหรือในอ่างอาบน้ำตามลำพังแม้เพียงชั่วขณะ
ควรดูแลใกล้ชิดและให้อยู่ในระยะที่ผู้ดูแลสามารถเอื้อมถึงตัวได้ทันที หากมีความจำเป็นต้องให้ลูกอยู่ตามลำพังชั่วครู่ ควรให้อยูในที่ที่ปลอดภัย เช่น เตียง คอกกั้น สำหรับเด็กเป็นต้น อย่าปล่อยลูกไว้ตามลำพังบนที่สูง
วัยนี้จะเร่ิมเหนี่ยวและเกาะยืน ควรตรวจสอบเฟอร์นิเจอร์ว่ามีความมั่นคงหรือยึดไว้กับผนัง และตรวจสอบประตูรั้วบ้านว่ามีการยึดไว้อย่างมั่นคง เพื่อป้องกันการล้มคว่ำลงมาทับลูกได
ไม่ควรใช้รถพยุงตัวหรือรถหัดเดิน เพราะนอกจากจะไม่ช่วยให้ลูกมีพัฒนาการการเดินด้วยตนเองแล้วยังเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุรุนแรงได้
ควรมีประตูที่กั้นบันไดที่สูงกว่าตัวเด็กและปิดกลอนไว้เสมอ
ซี่ราวบันไดและซี่ลูกกรงระเบียงต้องห่างกันไม่เกิน 9 ซม.
หน้าต่างควรอยู่สูงกว่าพื้นอย่างน้อย 1 เมตร เพื่อป้องกันการปีนป่าย


การป้องกันการอุดตันทางเดินหายใจ

☛ ของเล่นอื่นๆ ของลูกควรทำจากวัสดุที่ทนทานและปลอดภัย ไม่มีเหลี่ยมคม สีธรรมชาติหรือใช้สีปลอดสารพิษ ไม่มีชิ้นส่วนขนาดเล็กกว่า 3.2 x 5.7 x 2.5 ซม. ซึ่งหากหลุด หรือลูกนำเข้าปาก อาจสำลัก ติดคอ จนขาดอากาศหายใจได้
☛ อย่าวางถุงพลาสติกไว้ใกล้ลูกเพราะอาจอุดตันทางเดินหายใจได้
☛ หัวนมหลอกหรือจุกนมยาง ไม่มีความจำเป็น หากมีข้อบ่งใช้ต้องเลือกแบบที่ได้มาตรฐาน และห้ามใช้สายคล้องรอบคอลูก
☛ ไม่ควรให้ลูกใส่สร้อยคอ และของเล่นของใช้ที่มีสายยาวเกิน 22 ซม. เพราะอาจเกิดอุบัติเหตุรัดคอได้


การป้องกันอันตรายจากความร้อนและไฟฟ้า

☛ ไม่ควรถือเครื่องดื่มหรืออาหารร้อนๆ เมื่ออุ้มลูก เพราะเสี่ยงต่อการถูกน้ำร้อนลวกได้
ไม่ควรวางของร้อนไว้บนโต๊ะที่มีผ้าปูโต๊ะห้อยชายซึ่งลูกอาจดึงได้
ไม่ควรพาลูกเข้าครัวขณะประกอบอาหารเพราะอาจเกิดอันตรายได้
☛ ควรตรวจสอบอุณหภูมิน้ำก่อนอาบน้ำให้ลูกเสมอ และไม่ทิ้งเด็กไว้ในอ่างอาบน้ำตามลำพังแม้เพียงชั่วขณะ
ควรติดตั้งปลั้กไฟไว้สูง 1.5 เมตรหรือใช้ที่ครอบปลั๊กไฟ ควรเก็บสายไฟให้พ้นมือเด็ก และควรต่อสายดินและติดตั้งเครื่องตัดไฟอัตโนมัติ


การนอนของลูก

☛ เวลาที่ลูกนอนหลับ ควรจัดให้ลูกอยู่ในท่านอนหงายเสมอ เพื่อป้องกันการเกิด SIDS (ปัญหาเสียชีวิตขณะนอนหลับในทารก)
☛ ควรจัดให้ลูกนอนในที่นอนของตนเองเป็นสัดส่วนแยกจากเตียงของผู้ปกครอง โดยอาจให้อยู่ในห้องเดียวกันก็ได้ขึ้นอยู่กับบริบทของครอบครัว ควรเลือกเตียง ฟูก หมอน ผ้าห่มที่เหมาะสม โดยหมอนและที่นอนไม่ควรนุ่มจนเกินไป เบาะที่นอนควรมีขนาดพอดีกับเตียงและหลีกเลี่ยงการนำตุ๊กตา และสิ่งอื่นๆ ไปไว้ในที่นอนของลูก
☛ หากใช้เปลหรือเตียง ควรมีซี่ราวกันตกโดยช่องระหว่างซี่ราวห่างกันไม่เกิน 6 ซม. ไม่มีเสามุมเตียงยกขึ้นมา


การป้องกันอันตรายจากสัตว์กัด

☛ อย่าปล่อยลูกไว้ตามลำพังกับสัตว์เลี้ยง นำสุนัข แมวที่เลี้ยงไว้ไปฉีดวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้าตามกำหนดทุกครั้ง
☛ ดูแลบริเวณรอบบ้านอย่าให้มีแมลงหรือสัตว์มีพิษมาทำรัง เช่น ผึ้ง ต่อ แตน


การป้องกันอันตรายจากยาและสารเคมี

ควรมีภาชนะ และตู้สำหรับเก็บยาและสารเคมี อย่างเหมาะสม เด็กเปิดไม่ได้ และเก็บ ให้พ้นมือเด็ก


อื่นๆ

☛ ไม่ควรเขย่าตัวเพื่อให้หยุดร้องไห้ เพราะเกิดอันตรายรุนแรงต่อสมองได้ หากรู้สึกว่าเครียดจากการที่ลูกร้องไห้มาก อาจให้ผู้ช่วยที่ไว้ใจได้อุ้มและปลอบลูก หรือวางลูกไว้ในที่ที่ปลอดภัย แต่หากลูกร้องไห้ยาวนานโดยไม่ทราบสาเหตุควรปรึกษาแพทย์หรือบุคลากรทางสาธารณสุขเพิ่มเติม
☛ ควรหลีกเลี่ยงการพาไปยังสถานที่ที่มีคนสูบบุหรี่
☛ หากจำเป็นต้องฝากเลี้ยงในสถานรับเลี้ยงเด็ก ควรเยี่ยมชมและเลือกสถานที่ที่ดี ปลอดภัย บุคลากรไว้ใจได้
☛ ผู้ดูแลเด็กควรได้รับการฝึกปฐมพยาบาลและการกู้ชีพเบื้องต้น หากมีเหตุฉุกเฉินทางการแพทย์ โทร 1669


เรียบเรียงโดย : พญ.รสวันต์ อารีมิตร นพ.ชาญยุทธ์ ศุภคุณภิญโญ นพ.วิบูลย์ วีระอาชากุล

แหล่งข้อมูล : กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข และราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย

 

 

สงวนลิขสิทธิ์ ตาม พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 โดย มหาวิทยาลัยขอนแก่น