สื่อจอใส…ภัยเงียบที่รอเวลาสุกงอม
สื่อจอใส…ภัยเงียบที่รอเวลาสุกงอม
สื่อจอใส หรือสื่ออิเล็กทรอนิกส์ผ่านจออยู่รอบ ๆ
ตัวเราและเข้ามามีบทบาทอย่างมากต่อการดำเนินชีวิตในปัจจุบันไม่เว้นแม้แต่เด็กเล็ก
เพราะเด็กเข้าถึงสื่อจอใสได้ง่ายและทุกที่
ผู้เลี้ยงดูยังอาจใช้สื่อเหล่านี้ทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงและปล่อยให้เด็กดูสื่อจอใสตามลำพัง
จนเด็กขาดการดูแลเอาใจใส่อย่างเหมาะสม
ซึ่งเป็นหนึ่งในประสบการณ์อันไม่พึงประสงค์ที่ไม่ควรมองข้ามสื่อจอใสสามารถส่งผลกระทบต่อเด็กได้
ถึงแม้ว่าเด็กจะไม่ได้ดูรายการนั้น ๆ
จึงทำให้เด็กยิ่งมีความเสี่ยงต่อการได้รับผลกระทบทั้งด้านสุขภาพ พัฒนาการ
และพฤติกรรมตั้งแต่อายุน้อย
การได้รับสื่อจอใสในเด็ก…โอกาสที่เสียไปสำหรับการพัฒนาโครงข่ายในสมองเด็ก
เด็กได้รับสื่ออิเล็กทรอนิกส์ผ่านจอตั้งแต่แรกเกิด
โดยที่ร้อยละ 90 ของการได้รับสื่อจอใส มาจากโทรทัศน์
ตามมาด้วยแท็บเล็ตหรือสมาร์ตโฟน และคอมพิวเตอร์
ซึ่งสอดคล้องกับปริมาณการใช้สื่อของครอบครัว
เด็กอายุ 0-4
ปี ได้รับสื่อจอใส
ซึ่งรวมถึงการถูกเลี้ยงดูไว้บริเวณหน้าจอโดยไม่จำเป็นต้องดูประมาณ 3-5
ชั่วโมงต่อวัน ทั้งนี้ร้อยละ 85 เป็นสื่อที่ผลิตขึ้นสำหรับผู้ใหญ่หรือเด็กโต
และมักถูกเปิดทิ้งไว้ ซึ่งเด็กเล็กยังไม่สนใจสื่อชนิดนี้มากนัก
เนื่องจากยังไม่เข้าใจและสื่อนั้นไม่มีความน่าสนใจสำหรับเด็กเล็กเพียงพอ
ซึ่งหากคิดในมุมกลับถ้าผู้เลี้ยงดูนำเวลาดังกล่าวไปใช้โดยการมีปฏิสัมพันธ์กับเด็กผ่านการเล่น
พูดคุย ร้องเพลง เล่านิทาน อ่านหนังสือ ทำกิจวัตรประจำวัน ออกกำลังกาย
งานอดิเรก หรือกิจกรรมสร้างสรรค์อื่น ๆ
ร่วมกันจะทำให้เซลล์ประสาทและโครงข่ายในสมองของเด็กได้รับการกระตุ้นอย่างเหมาะสม
เนื่องจากเซลล์ประสาทและโครงข่ายนั้นเตรียมพร้อมอยู่แล้วที่จะได้รับประสบการณ์ต่าง
ๆ ผ่านการเลี้ยงดูเชิงบวก
เปรียบเสมือนต้นกล้าที่เตรียมพร้อมในการได้รับทั้งแสงแดดและฝนที่พอเหมาะเพื่อการเจริญงอกงาม
ซึ่งหากไม่ได้รับทั้งฝนและแสงแดดอย่างเพียงพอก็จะไม่สามารถเติบโตเป็นต้นไม้ได้ฉันใด
เซลล์ประสาทและโครงข่ายการเชื่อมต่อกันในสมองของเด็กก็ไม่สามารถพัฒนาได้อย่างเต็มศักยภาพฉันนั้น
เด็กโตและวัยรุ่นจะใช้เวลาอยู่กับสื่ออิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ มากกว่า 7
ชั่วโมงต่อวัน ซึ่งเป็นการใช้เวลามากกว่าเวลาที่อยู่โรงเรียน
หรือใช้สำหรับการนอนหลับ
จึงทำให้เด็กยุคปัจจุบันและอนาคตขาดโอกาสในการทำกิจกรรมอื่น ๆ
ที่จะช่วยเสริมสร้างพัฒนาการและทักษะที่จำเป็นในชีวิตประจำวันมากขึ้น
สื่อจอใสส่งผลกระทบต่อเด็กปฐมวัยอย่างไรบ้าง
ปัจจุบันยังไม่มีงานศึกษาวิจัยใดเลยที่สรุปได้อย่างชัดเจนว่าสื่อจอใสเพียงอย่างเดียวจะช่วยส่งเสริมการเรียนรู้ของเด็กที่อายุน้อยกว่า
2 ปีได้
แต่กลับพบหลักฐานเชิงประจักษ์มากขึ้นว่าสื่อจอใสสามารถส่งผลกระทบต่อเด็กในด้านต่าง
ๆ ได้แก่
1. พัฒนาการและสติปัญญา
เด็กที่ได้รับสื่อจอใสตั้งแต่อายุน้อย
โดยเฉพาะสื่อที่ถูกเปิดทิ้งไว้โดยไม่มีคนดู
เป็นปริมาณมากต่อวันอย่างต่อเนื่องตามลำพัง
โดยผู้ปกครองมีปฏิสัมพันธ์กับเด็กน้อยระหว่างเปิดสื่ออิเล็กทรอนิกส์ผ่านจอเหล่านี้จะยิ่งมีความเสี่ยงต่อพัฒนาการด้านภาษาและการพูดสื่อสารล่าช้า
พัฒนาการด้านสังคมและอารมณ์บกพร่อง
ภาวะออทิซึม พัฒนาการล่าช้าหลายด้าน
รวมถึงสติปัญญา การเรียนรู้ และผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษา
ทำให้เด็กไม่สามารถพัฒนาได้เต็มศักยภาพอีกด้วย
เพราะสาเหตุหลักที่ทำให้เด็กมีพัฒนาการและสติปัญญาล่าช้าข้างต้นมักเกิดจากการที่เด็กมีปฏิสัมพันธ์
พูดสื่อสาร อ่านหนังสือ เล่นกับพ่อแม่หรือผู้เลี้ยงดู
และผู้อื่นลดลงระหว่างการได้รับสื่อจอใสเหล่านั้น
นอกจากนี้สื่อจอใสยังไปแทนที่เวลาคุณภาพอื่น ๆ ที่เด็กควรได้รับประสบการณ์ต่าง
ๆ ในชีวิตประจำวันด้วย
2. การทำหน้าที่บริหารของสมองระดับสูง (executive function หรือ EF)
คือหน้าที่ในการบริหารจัดการ และกำกับควบคุม ความคิด อารมณ์ และ พฤติกรรม ของตนเองเพื่อไปให้ถึงเป้าหมายได้ ซึ่งสมองกลีบหน้าผากส่วนหน้า (prefrontal cortex) เป็นสมองส่วนสำคัญที่ทำหน้าที่บัญชาการทักษะ EF นี้ ให้ทำงานเชื่อมโยง และกำกับสมองส่วนอื่น ๆ เพื่อให้มนุษย์สามารถควบคุมตนเองจนไปถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ EF จะเริ่มพัฒนาตั้งแต่ช่วงปฐมวัย โดยในขวบปีแรกนั้นจะเริ่มมีการพัฒนา ซึ่งจะพัฒนาอย่างมากในช่วงอายุ 3-6 ปี หรือวัยอนุบาล แล้วจะพัฒนาอย่างต่อเนื่องจนสมบูรณ์เต็มที่เมื่ออายุประมาณ 20-25 ปี ดังนั้นปฐมวัยจึงเป็นช่วงเวลาสำคัญที่เด็ก ๆ ควรได้รับการพัฒนาทักษะ EF เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการควบคุมตัวเองโดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ที่ต้องพบกับความท้าทาย ปัญหา อุปสรรค หรือความยากลำบากต่าง ๆ ในชีวิตทั้งที่บ้าน โรงเรียน ที่ทำงาน และในสังคมต่อไป
เด็กที่ได้รับสื่อจอใสตั้งแต่อายุน้อย แม้ว่าจะไม่ได้ดูรายการนั้น
ๆ ก็ตาม จะมีจำนวนชั่วโมงที่ดูสะสมมาก สื่อที่เป็นรายการผู้ใหญ่
มีเนื้อหาแฟนตาซี เช่น ซุปเปอร์ฮีโร่ ตัวแสดงปรากฏขึ้นมาได้เอง
มีการแปลงร่างในลักษณะที่เป็นไปไม่ได้ในชีวิตจริง มีการนำเสนออย่างรวดเร็ว
หรือแม้แต่จะเป็นรายการการ์ตูนที่เกี่ยวกับการศึกษาก็ตาม มีความสัมพันธ์กับ EF
ที่ลดลง ซึ่งเด็กอายุน้อยกว่า 2 ปี ควรหลีกเลี่ยงการอยู่หน้าจอทุกชนิด
เด็กอายุมากกว่า 2 ปี ควรใช้หน้าจอกับพ่อแม่ด้วยสื่อคุณภาพไม่เกินวันละ 1
ชั่วโมง
อีกทั้งแต่ละครอบครัวควรพิจารณาปิดหน้าจอเพื่อให้เด็กอยู่กับพ่อแม่และพ่อแม่อยู่กับเด็ก
เพื่อใช้เวลาทำกิจกรรมร่วมกันมากขึ้น เช่น เล่นกีฬา ศิลปะการป้องกันตัว
เทควันโด ทำงานศิลปะ เล่นดนตรี อ่านหนังสือนิทาน เล่นสมมุติอย่างมีจินตนาการ
ฝึกให้เด็กดูแลช่วยเหลือตัวเองตามวัย และให้ช่วยงานบ้าน เป็นต้น
เนื่องจากกิจกรรมเหล่านี้สามารถพัฒนา EF ได้มากกว่าการปล่อยให้เด็ก ๆ
อยู่กับหน้าจอตามลำพังเพียงอย่างเดียว
3.พฤติกรรม
เด็กที่ได้รับสื่อที่มีเนื้อหารุนแรงหรือก้าวร้าว รายการผู้ใหญ่ที่ถูกเปิดทิ้งไว้อย่างต่อเนื่องหรือเพิ่มขึ้นตามลำพัง สื่อที่เป็นรายการบันเทิง ไม่ใช่รายการทางการศึกษา มีเนื้อหาแฟนตาซี และมีการนำเสนออย่างรวดเร็ว การใช้สื่อในเวลาค่ำในห้องนอน ร่วมกับพ่อแม่หรือผู้เลี้ยงดูไม่ฝึกระเบียบวินัยอย่างสม่ำเสมอ ไม่จำกัด ควบคุม และกำกับดูแลการใช้สื่อของเด็กด้วยมักมีปัญหาดื้อต่อต้าน ปัญหาปฏิกิริยาทางอารมณ์ มีความรุนแรง ก้าวร้าว พฤติกรรมซนสมาธิสั้น พฤติกรรมการบริโภคมากขึ้นจนเกิดโรคอ้วนได้
4.การนอนหลับ
เด็กที่ได้รับสื่อที่มักถูกเปิดทิ้งไว้โดยไม่มีคนดู เป็นรายการผู้ใหญ่ มีเนื้อหารุนแรง รายการบันเทิง หรือเล่นวิดีโอเกมที่ตื่นเต้น ใช้สื่อในเวลาค่ำในห้องนอนจะสัมพันธ์กับการนอนหลับยากขึ้น ระยะเวลานอนหลับลดลง คุณภาพการนอนหลับไม่ดี ง่วงนอนในเวลากลางวัน และปัญหาการนอนหลับได้
ใช้สื่อจอใสอย่างไรเพื่อส่งเสริมพัฒนาการและพฤติกรรมเด็ก
พ่อแม่หรือผู้เลี้ยงดูที่เริ่มให้เด็กใช้สื่อจอใสช้า เลือกรายการทางการศึกษา มีเนื้อหาเอื้อต่อสังคม หรือมีคุณภาพสูง ลดการเข้าถึงสื่อที่มีเนื้อหารุนแรง สำหรับผู้ใหญ่ หรือมีเนื้อหาแฟนตาซีมากเกินไป และไม่เปิดสื่อทิ้งไว้ ดูและพูดสื่อสารกับเด็กระหว่างได้รับสื่อไปด้วย รวมถึงผู้ปกครองก็ใช้สื่อจอใสของตนเองน้อย ฝึกระเบียบวินัยอย่างสม่ำเสมอ และสามารถตอบสนองต่อลูกอย่างเหมาะสมจะทำให้เด็กมีพัฒนาการด้านภาษาและการพูดสื่อสาร ทักษะด้านสังคม อารมณ์ สติปัญญา การทำหน้าที่บริหารของสมองระดับสูง มีความพร้อมในการเรียน และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนดีขึ้น มีความรุนแรง พฤติกรรมก้าวร้าว และซนสมาธิสั้นลดลง นอกจากนี้หากลูกเป็นเด็กเลี้ยงยาก ควบคุมตนเอง หรืออารมณ์ได้ไม่ดี มีปัญหาพัฒนาการ ซน อยู่ไม่นิ่ง หรือกินยาก พ่อแม่หรือผู้เลี้ยงดูควรหลีกเลี่ยงการใช้สื่อจอใสเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าวเนื่องจากจะยิ่งทำให้ปัญหาต่าง ๆ ข้างต้นนั้นเป็นมากขึ้นได้
เรียบเรียงโดย: นายแพทย์วีระศักดิ์ ชลไชยะ
เอกสารอ้างอิง :
1. วีระศักดิ์ ชลไชยะ, เบญจพร ตันตสูติ, คมสันต์ เกียรติรุ่งฤทธิ์.
ผลของสื่ออิเล็กทรอนิกส์ผ่านจอต่อเด็กและวัยรุ่น: Effects of electronic
screen media on children and adolescents. ใน: วีระศักดิ์ ชลไชยะ, บรรณาธิการ. กรุงเทพฯ: บียอนด์ เอ็นเทอร์ไพรซ์; 2561.
2. วีระศักดิ์ ชลไชยะ. การทำหน้าที่บริหารของสมองระดับสูง: Executive
function. ใน: สุรีย์ลักษณ์ สุจริตพงศ์, รวิวรรณ รุ่งไพรวัลย์, ทิพวรรณ
หรรษคุณาชัย, บานชื่น เบญจสุวรรณเทพ, อดิศร์สุดา เฟื่องฟู, จริยา
จุฑาภิสิทธิ์, พัฏ โรจน์มหามงคล, บรรณาธิการ. ตำราพัฒนาการและพฤติกรรมเด็ก
เล่ม 4. กรุงเทพฯ: พี.เอ.ลีฟวิ่ง; 2561. หน้า 19-41.
3. Brown A, Mulligan DA, Altmann TR, Christakis DA, Clarke-Pearson K,
Falik HL, et al. Media use by children younger than 2 years. Pediatrics
2011;128:1040-5.
4. Hill D, Ameenuddin N, Chassiakos YR, Cross C, Radesky J, Hutchinson
J, et al. Media and young minds. Pediatrics 2016;138:e20162591.
5. Hill D, Ameenuddin N, Chassiakos YR, Cross C, Radesky J, Hutchinson
J, et al. Media use in school-aged children and adolescents. Pediatrics
2016;138:e20162592.
6. Reid Chassiakos YL, Radesky J, Christakis D, Moreno MA, Cross C.
Children and adolescents and digital media. Pediatrics
2016;138:e20162593.
7. Chonchaiya W, Pruksananonda C. Television viewing associates with
delayed language development. Acta Paediatr 2008;97:977-82.
8. Chonchaiya W, Sirachairat C, Vijakkhana N, Wilaisakditipakorn T,
Pruksananonda C. Elevated background TV exposure over time increases
behavioural scores of 18-month-old toddlers. Acta Paediatr
2015;104:1039-46.
9. Chonchaiya W, Wilaisakditipakorn T, Vijakkhana N, Pruksananonda C.
Background media exposure prolongs nighttime sleep latency in Thai
infants. Pediatr Res 2017;81:322-8.
10. Vijakkhana N, Wilaisakditipakorn T, Ruedeekhajorn K, Pruksananonda
C, Chonchaiya W. Evening media exposure reduces night-time sleep. Acta
Paediatr 2015;104:306-12.